ISS Consulting แนะองค์กรสร้าง Digital Core ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยดิจิทัล

ISS เปิดแนวทางองค์กรธุรกิจปรับตัวสู่ดิจิทัล เน้นย้ำการนำดิจิทัลเข้าไปเสริมสร้างธุรกิจหลัก (Digital Core) ให้สามารถแข่งขัน และเพิ่มข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจ พร้อมนำเทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในทุกภาคส่วน

โดยในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ISS Consulting (Thailand) Ltd. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสานต่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี และประสบการณ์แก่บริษัทในภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีอัตราเร่งเป็นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดเวทีแชร์ประสบการณ์ใช้งานจริงในหลากหลายธุรกิจในงาน ISS & SAP User Virtual Conference 2021 ภายใต้แนวคิด “Rise With SAP : The Journey Through Your Business Transformation”

วิศิษฐ์ วิระยากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเอสเอส คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่การแข่งขันทางธุรกิจกลับไม่ได้ลดลงไปตาม ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ และนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น

“ด้วยกระแสการทำ Digital Transformation ที่กำลังเติบโต แต่ละหน่วยงานธุรกิจต้องมองหาหนทางในการเปลี่ยนแปลง เพื่อต่อยอดไปสู่การนำเทคโนโลยี หรือการนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการทำธุรกิจในทุกด้านที่สามารถทำได้”

การดำเนินการธุรกิจได้อย่างยั่งยืนมั่นคง จำเป็นต้องมีการสร้าง Digital Core ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ (Core Business) เพื่อให้ธุรกิจที่ใช้งาน SAP อยู่แล้ว และธุรกิจที่กำลังสนใจจะเริ่มต้นใช้งาน SAP สามารถนำเครื่องมือดิจิทัลมาไปสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต

โดยรายละเอียดและเนื้อหาภายในงาน ISS & SAP User Virtual Conference 2021 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ขอสรุปรายละเอียดผ่านหัวข้อที่น่าสนใจ 5 Track ดังนี้

(Track 1) สร้าง Digital Core ปลดล็อกธุรกิจสู่ดิจิทัล

ISS ได้มีการนำเสนอระบบ ERP ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนองค์กรสู่ Intelligent Enterprise ประกอบด้วยความสามารถใหม่ของ SAP S/4HANA ที่สามารถปรับใช้กับอุปกรณ์เดิมที่มีอยู่ เช่น ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และซอฟต์แวร์ ให้เหมาะสมกับขนาดขององค์กร และงบประมาณในการลงทุน การเตรียมความพร้อมขององค์กรที่สนใจจะ Transform Business Solution ไปเป็น SAP S/4HANA รวมถึง RISE with SAP โซลูชั่นพร้อมนำพาทุกองค์กรธุรกิจสู่การเป็น อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (Intelligent Enterprise)

ตามด้วย SAP Business ByDesign ซึ่งมีจุดเด่นที่ทำงานบนคลาวด์ที่มีมาตรฐาน ช่วยให้สามารถติดตั้ง ขยาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูล จนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์เฉพาะหน้าที่พบเจอ ขณะเดียวกัน SAP Business ByDesign ได้มีการวางรูปแบบการทำงานสำหรับธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมให้พร้อมใช้งานได้ทันทีตาม Best Practice ซึ่งเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของ SAP ที่สั่งสมมา ทำให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการการทำธุรกิจที่จะได้นำมาปรับใช้นี้เป็นกระบวนการที่ดี และมีมาตรฐานในระดับเดียวกับธุรกิจระดับโลก

(Track 2) ปรับใช้โซลูชันที่เหมาะสมในแต่ละอุตสาหกรรม

การทำ Digital Transformation ในอุตสาหกรรมถือเป็นอีกความท้าทายที่เกิดขึ้น เพราะแต่ละภาคอุตสาหกรรมต่างมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นการนำ SAP Solution for Manufacturing Discrete ไปใช้งาน จะช่วยปรับปรุงกระบวนการผลิต จนถึงในภาคค้าปลีก และค้าส่ง และช่วยกลยุทธ์ในการทำการเสริมการทำตลาดให้ครอบคลุมทั้ง B2B และ B2C

ด้าน SAP Solution for Wholesale and Retail ช่วยให้การต่อเชื่อมข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วจากจุดขาย ส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว จากการที่เชื่อมต่อระบบหลังบ้านเข้ามายังส่วนกลางทำให้สามารถกำหนดราคา จัดการสต๊อกสินค้า

โดยในช่วงที่ผ่านมา ISS ได้เข้าไปติดตั้งระบบให้กลุ่มโรงพยาบาลและภาคสาธารณสุขของไทย (Healthcare with SAP Solution) เพื่อช่วยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเข้าไปยกระดับภาคการศึกษา และการวิจัย (Higher Education and Research with SAP Student Lifecycle ) ที่ต้องปรับตัวสู่การเรียนการสอนออนไลน์

(Track 3) พัฒนาองค์กรอัจฉริยะ (Intelligent Enterprise)

นอกเหนือจากการทำธุรกิจแล้ว ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล อย่าง SAP SuccessFactors ที่ครอบคลุมทั้งการจ้างงาน เงินเดือนพนักงาน ช่วยให้การสรรหาพนักงานมาเติมช่องว่างในแผนกต่างๆ ทำได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น

พร้อมกับ SAP Ariba โซลูชันเพื่อช่วยปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อให้เป็นดิจิทัล ทำให้องค์กร สามารถบริหารจัดการขั้นตอนการจัดซื้อ พร้อมกับความคุมการใช้จ่าย การจัดหาแหล่งสินค้าใหม่ สามารถค้นหา เชื่อมต่อ และร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจต่างๆ ผ่านดิจิทัล มาร์เก็ตเพลส ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ และสร้างระบบซัพพลายเชนให้แข็งแรงมากขึ้น

สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน CRM ยังมีโซลูชันอย่าง SAP Customer Experience จะช่วยให้เข้าใจลูกค้า สร้างประสบการณ์ร่วมได้มากขึ้น จนถึงการนำโซลูชัน SAP Qualtrics ในการทำแบบสำรวจ ช่วยวิเคราะห์ และต่อยอดข้อมูล ข้อเสนอแนะต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ พร้อมรายงานผล ช่วยให้ธุรกิจดึงดูดทั้งพนักงานและลูกค้าได้มากขึ้น และ SAP Litmos มาช่วยจัดการการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ของพนักงานในองค์กรผ่านระบบเวอร์ชวลเพื่อนำไปปรับใช้ในธุรกิจได้

(Track 4) เพิ่มระบบจัดการข้อมูลภายในองค์กร

เพื่อให้องค์กรธุรกิจลดภาระงานทางด้านเอกสาร SAP มีระบบ iRPA (Intelligent Robotics Process Automation) หรือเรียกว่า SAP Intelligent RPA ซึ่งเป็น Software as a Service และ Cloud Solutions ในการสร้าง BOT เพื่อนำมาใช้ทำงานซ้ำๆ บนระบบ Business Application แทนพนักงาน

ต่อด้วยโซลูชั่นที่จะเข้ามาช่วยจัดการงานเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูล, การป้อนข้อมูลจากเอกสารหนึ่งไปยังอีกเอกสาร, การดึงข้อมูลบางส่วนจากเอกสารมาใส่ในระบบ เสริมด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย e-Tax Invoice & e-Receipt และ e-Withholding Tax ที่ปัจจุบันใช้สามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับกรมสรรพากร หรือระบบภายนอกได้ทันที

จนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน SAP Analytics Cloud ในการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง หรือแม้แต่ว่าองค์กรนั้นจะมีหน่วยงานย่อยแค่ไหนก็สามารถดึงข้อมูลมา มาแสดงผลเป็นรายงานให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ทันที

นอกจากนี้ยังมี SAP Concur โซลูชันที่ช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลการเดินทาง และค่าใช้จ่ายในธุรกิจต่าง ๆ ผ่านระบบคลาวด์ รวมถึงบริหารจัดการด้านการออก Invoice เพื่อให้การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานของพนักงานแต่ละคนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า

(Track 5) เชื่อมโยงการทำงานในองค์กรด้วย SAP Business One

อีกหนึ่งกลุ่มบริการที่น่าสนใจคือ SAP Business One หรือ SAP B1 ซอฟต์แวร์การจัดการธุรกิจที่ออกแบบมาสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่ช่วยจัดการเชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กรเข้าด้วยกัน และฟังก์ชันใช้งานง่าย มีแนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลขององค์กรได้จากทุกที่ และทุกเวลา ไม่มีข้อจำกัด ในการปรับ ขยายได้ตามการใช้งานได้ตามความเหมาะสมในทุกอุปกรณ์ที่องค์กรธุรกิจจำเป็นจะต้องใช้ และนำไปต่อยอดในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้บรืโภค (Customer Experience) สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจเพื่อลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค (B2B และ B2C)

โอกาสเปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่วิถีดิจิทัล

เอทูล ทูลิ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี อินโดไชน่า (SAP Indochina) กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ การเปิดรับเทคโนโลยีทุกรูปแบบ และทำความคุ้นเคย จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล เพื่อฝ่าวิกฤติไปให้ได้ ไม่ใช่เพื่อรอด แต่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

“ภาคธุรกิจจำเป็นต้องนำเอาประสบการณ์จากสถานการณ์โควิด-19 มาสร้างโอกาส เปลี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจในรูปแบบดั้งเดิม (Traditional) เข้าสู่วิถีดิจิทัลอย่างเต็มตัว”

ในยุค “นิว นอร์มอล” (New Normal) เมื่อการทำงานมีลักษณะที่ยืดหยุ่นมากขึ้น SAP มีโซลูชันที่หลากหลายทำให้พนักงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ ลูกค้าของธุรกิจ พนักงาน ประสบการณ์ที่ดีของพนักงาน รวมถึงบริษัทคู่ค้าที่แข็งแกร่ง จะช่วยสร้างความมั่นคงทางธุรกิจให้ดำเนินการไปได้อย่างยาวนานขึ้น

ในส่วนของการจัดการข้อมูล สิ่งที่ควรทำในเวลานี้คือการนำระบบคลาวด์เข้ามาใช้สำหรับการนำเข้าส่งออกข้อมูล ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการติดต่อกับลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งจะสร้างโอกาสให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือการเสริมกลยุทธ์ที่เข้าไปดูแลทั้งลูกค้าเก่า และเพิ่มลูกค้าใหม่ จากการอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่ตรงจุด จะเข้าไปช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ต่อไปในอนาคต

ปฏิวัติองค์กร สู่การทำงานยุคดิจิทัลในอนาคต

นอกจากนี้ภายในงาน ISS & SAP User Virtual Conference 2021 ในครั้งนี้ ในช่วง Panel Discussion ทาง ISS ได้รับเกียรติจากลูกค้าของบริษัทฯ กว่า 15 บริษัท ร่วมแชร์ประสบการณ์ในการติดตั้งระบบ SAP ในโซลูชั่นต่าง ๆ ในการขึ้นระบบรวมทั้งแนวคิด และมุมมองในการติดตั้ง และใช้ระบบ SAP ที่ช่วยในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ และ IT Plan ในอนาคตของแต่ละบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ SAP S/4HANA เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure) หรือ SAP Business Bydesign ที่มีฟังก์ชั่นครอบคลุมทุกธุรกิจ ช่วยให้การบริหารจัดการให้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเผยผลสำเร็จการใช้ SAP C/4HANA เข้ามาช่วยสร้าง Customer Experience ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ในการแข่งขันได้ดีขึ้น

สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ได้ที่

สำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ SME ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการเลือกใช้ SAP Business One (SAP B1) เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้งานในอนาคต โดยหลังจากที่ติดตั้งระบบ ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนการต้นทุนการสั่งซื้อ มีความชัดเจน และวางแผนได้ดีขึ้น และช่วยให้บุคลากรสามารถไปทำงานได้อย่างเรียลไทม์ เพิ่มขีดความสามารถให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงอรรถประโยชน์ของการนำ Solution Add on เข้ามาเสริมศักยภาพการแข่งขันดันธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน

สามารถติดตามบทสัมภาษณ์ได้ที่

บริหารธุรกิจด้วย โซลูชั่น เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มกำไร

ในการนำเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่าจากการดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหัวใจของดิจิทัลในวงการธุรกิจคงหนีไม่พ้น “คุณค่าแห่งประสบการณ์ของลูกค้า” หลายองค์กรในปัจจุบันก็เน้นไปที่เรื่องนี้มากขึ้น เพราะยิ่งสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้าได้มากเท่าไร ความผูกพันระหว่างองค์กร (หรือแบรนด์) กับ ลูกค้าก็ยิ่งมีมากขึ้น นำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต ดังนั้นการให้ความสำคัญกับระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้หลากหลาย จะทำให้องค์กรธุรกิจสามารถจัดการทรัพยากรภายในองค์กร และก้าวสู่การทำ Digital Transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสนับสนุนงานในด้านต่าง ๆ เช่น งานทางด้านการขายที่สามารถเพิ่มยอดขายให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น งานทางด้านการผลิตที่สามารถควบคุมการผลิตได้, ระบบการเงินที่สะดวกสบาย, ระบบจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ, ระบบกระจายสินค้าที่สามารถควบคุมการจัดส่งได้เป็นอย่างดี และ ยังให้ความสะดวกในการบริหาร และการจัดการที่อัตโนมัติ ฯลฯ

“วันนี้องค์กรธุรกิจอาจจะสามารถวาง Digital Core ของตัวเองได้แล้ว แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว องค์กรอาจจะต้องให้ความสำคัญของเรื่อง Customer Experience และ Employee Experience ด้วย พร้อมกับนำเอาเครื่องมือทางด้าน Innovation เข้ามาประกอบ เพื่อบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และต่อยอดสู่โอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจที่มีได้ ซึ่งทาง SAP นั้นก็ได้มีโซลูชั่นเพื่อรองรับความต้องการลักษณะนี้พร้อมอยู่แล้ว และยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ ERP ของ SAP ได้เป็นอย่างดี วันนี้หากธุรกิจที่มองหาการเติบโตในอนาคต แต่รากฐานของธุรกิจไม่แข็งแรง และไม่สนใจว่าเทรนด์ของเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างไร ธุรกิจเหล่านั้นก็จะไม่อาจต่อยอดด้วยเทคโนโลยีเหล่านั้นได้เลย” คุณวิศิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ ISS Consulting พร้อมที่ให้คำปรึกษา และช่วยสนับสนุนธุรกิจองค์กรที่สนใจในโซลูชั่นทั้งหมดให้สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายดายขึ้น เนื่องจากมีทีมงานที่มีทั้งประสบการณ์ทางธุรกิจ และความรู้เชิงเทคนิคในการให้คำปรึกษา และการให้บริการครบวงจรตั้งแต่การเริ่มต้นขึ้นระบบไปจนถึงการดูแลรักษาต่อเนื่องในระยะยาว

เกี่ยวกับ ISS Consulting (Thailand) Ltd.

บริษัท ISS Consulting (Thailand) Ltd. ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษา และบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรึกษาด้านโซลูชั่น SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น ISS Consulting พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ ติดต่อได้ที่ โทร 02 237 05553 หรือติดตาม ISS Consulting (Thailand) ได้ที่

Leave a Comment