AIS มา น้ำตาใครไหล? นับถอยหลังซิเคียวริตีไทยแข่งดุสุดขีด (Cyber Weekend)

เปิดอิมแพกต์จากความร่วมมือครั้งล่าสุดระหว่างเอไอเอส (AIS) และพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ (Palo Alto Networks) ที่กอดคอร่วมกันขายระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบครบวงจรสำหรับองค์กรในประเทศไทยอย่างจริงจัง แม้ดีลนี้จะไม่เอ็กซ์คลูซีพ แต่เชื่อว่าจะส่งผลกับตลาดในแง่การแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้นเพราะ AIS จะต้องชนกับผู้เล่นในตลาดที่จำหน่ายระบบซิเคียวริตีองค์กรอยู่แล้ว ท่ามกลางตลาดที่จะขยายตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เบื้องต้น ทั้งเอไอเอส และพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ มั่นใจว่าตลาดซิเคียวริตีไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากแนวโน้มการโจมตีรอบด้านที่เป็นความเสี่ยงต่อแทบทุกธุรกิจซึ่งต้องดำเนินงานบนออนไลน์ โดยข้อมูลจากไทยเซิร์ท (Thaicert) ชี้ว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์ในประเทศไทยเกิดขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 167 ครั้งต่อเดือนในปี 2564 โดยการโจมตีที่เกิดขึ้นมากที่สุดเป็นการโจมตีที่ข้อบกพร่องของระบบ รวมถึงการโจมตีเพื่อดูดข้อมูล และการล่อลวง

ในแง่ของเม็ดเงิน การสำรวจจากสำนักไซเบอร์ซิเคียวริตีเวนเจอร์ส (Cybersecurity Ventures) พบว่ามูลค่าความเสียหายจากการถูกโจมตีจะเพิ่มขึ้นเป็น 10.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 จากปีนี้ที่เชื่อว่าจะมีมูลค่าราว 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งหมดนี้ทำให้เอไอเอสเชื่อว่าตลาดนี้เป็นตลาดที่กำลังขยายตัวเนื่องจากความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเรื่องของ Managed Security Service และการจับมือของผู้เล่นรายใหญ่อย่างเอไอเอสและพาโล อัลโต ย่อมส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน

***ครั้งแรกในไทย

เอไอเอส และพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ ให้รายละเอียดการเปิดตัวเป็นพันธมิตรครั้งนี้ว่าเป็นแบบ MSSP หรือ Managed Security Service Provider ที่ให้บริการ Managed SASE แบบครบเครื่องเพื่อป้องกันไม่ให้องค์กรพบปัญหาด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่เกิดจากรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด โดยมีบริการเด่นอย่าง AIS Managed Secure Access Service Edge (SASE), AIS SD-WAN และ AIS CSOC ที่แข็งแรงเรื่องความโปร่งใส มีระบบควบคุมแบบรวมศูนย์บนคลาวด์ และการตรวจจับ-ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่ดียิ่งขึ้น

ความพิเศษของดีลนี้คือเอไอเอสเป็นโอเปอเรเตอร์ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุด และมีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดกว่า 43.2 ล้านเลขหมาย (มิถุนายน 2564) จุดยืนของเอไอเอสที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ใน 77 จังหวัดจะเสริมกับภาพของพาโล อัลโต ที่ถูกยกย่องเป็นผู้นำตลาดความปลอดภัยเครือข่ายไซเบอร์ที่แซงคู่แข่งรายใหญ่ได้สำเร็จในไตรมาส 1 ปี 63 ที่ผ่านมา โดยรายได้จากประเทศไทยนั้นทุบสถิติสูงที่สุดในอาเซียนด้วย

การจับมือของ 2 ยักษ์ใหญ่เกิดขึ้นในวันที่องค์กรธุรกิจไทยไม่ชะลอการลงทุนเรื่องซิเคียวริตี ความมั่นใจว่าตลาดซิเคียวริตีคลาวด์จะมาแรงต่อเนื่องทำให้ทั้งคู่ร่วมกันขาย Prisma SASE ซึ่งเป็นโซลูชัน SASE ที่ถูกการันตีว่าสมบูรณ์แบบที่สุดของกลุ่มอุตสาหกรรม ผนวกกับการรักษาความปลอดภัย SD-WAN และการจัดการประสบการณ์ดิจิทัลแบบอัตโนมัติเป็นบริการเดียวบนคลาวด์ ทำให้ AIS CSOC as a Service ช่วยเฝ้าระวังความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความแข็งแกร่งให้ระบบความปลอดภัยขององค์กรได้เร็ว ลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายของเครือข่ายในเวลาเดียวกัน

ในขณะที่ 3 โซลูชันนี้คือตัวท็อปที่โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในประเทศ แต่โซลูชันที่เอไอเอสร่วมมือกับพาโล อัลโต พัฒนายังมีไฟล์วอลล์ Next-Gen Firewall, EDR, Cloud Security และโซลูชันอื่นที่ครบวงจร น่าเสียดายที่ทั้งคู่ยังอุบเงียบ ไม่พูดถึงโซลูชันใหม่ที่วางแผนจะเกิดหลังจากนี้

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสมุ่งมั่นพัฒนาบริการซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ

“แน่นอนว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ต้องคำนึงถึงภัยที่มาพร้อมกับความล้ำสมัย ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นอย่างมาก สอดรับกับการทํางานแบบ Work from Anywhere ในยุค New Normal การร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำถึงเป้าหมายให้บริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งจะเป็นบริการแบบครบจรเป็นรายแรกในประเทศไทย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ผ่านการรับรองจากผู้ผลิตให้บริการดูแลความปลอดภัยด้านไซเบอร์ รวมถึงให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ โดยเน้นการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์บนคลาวด์ จึงทำให้เราสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรมในประเทศไทย”

ดีลนี้จะทำให้เอไอเอสได้ใช้ระบบแก้ปัญหาของพาโล อัลโต เพื่อสนับสนุนองค์กรได้เต็มศักยภาพ ซึ่งจะช่วยให้เอไอเอสลดต้นทุนการดำเนินงานและใช้ประโยชน์จากความสามารถที่มีอยู่เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้นในประเทศไทย

***ดีลแรงรับ 5G

นาธัชพล โปษยานนท์ ผู้อํานวยการ บริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ค ประเทศไทยและอินโดจีน เชื่อว่า 5G จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดซิเคียวริตีขยายตัวโดยมองว่าการนำรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดมาใช้เพิ่มขึ้นและเชื่อมต่อด้วยระบบ 5G ที่ล้ำยุค นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่จะต้องหาทางรับประกันว่าระบบหลักของบริษัทมีความปลอดภัย และบริษัทรู้สึกปลื้มใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับเอไอเอสซึ่งแข็งแกร่งเรื่อง 5G เพื่อให้บริการด้านความปลอดภัยที่มีการจัดการแบบครบวงจรบนเครือข่ายความเร็วสูง

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้มีเนื้อหาเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะทั้งคู่จะสามารถหันไปร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นค่ายซิเคียวริตีรายอื่นหรือเน็ตเวิร์กโพรไวเดอร์รายอื่นก็ได้ ในกรณีของเอไอเอส ธุรกิจซิเคียวริตีถือเป็นส่วนย่อยของ 3 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนต์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ตเนอร์ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ เช่น AIS eSports และ AIS Insurance Service

ทั้งหมดนี้ เอไอเอสเล่นบทพระเอกโดยระบุว่าบริการทั้งหมดคัดสรรมาเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ซึ่งจะขยายขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน เรียกว่าไม่ได้ตั้งใจแย่งลูกค้าจากใคร ในวันที่ตลาดซิเคียวริตีไทยอาจจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่แข่งขันดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์

Leave a Comment