5 ทักษะควรมีในปี 2015 สำหรับนักการตลาดดิจิทัล

ผ่าพิษสง มัลแวร์ ตัวแสบ!! แห่งยุคดิจิทัล

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เอ็ตด้า เผยแพร่ข้อมูล ระบุ พิษสงของ "มัลแวร์" โปรแกรมประสงค์ร้าย ถูกเขียนขึ้นหวังเข้าทำอันตรายกับข้อมูลในระบบ ทั่วโลกต้องสูญเสียเม็ดเงินให้กับมัลแวร์ "ตัวแสบ" ของยุคนี้ไปอย่างมหาศาล

“มัลแวร์” (MALWARE) หรือ “ไวรัสคอมพิวเตอร์” ย่อมาจาก MALicious และ SoftWARE หมายถึง โปรแกรมประสงค์ร้ายที่ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อทำอันตรายกับข้อมูลในระบบ เช่น ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานผิดปกติ ขโมยหรือทำลายข้อมูลหรืออาจจะเปิดช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาควบคุมเครื่องของเราได้

• Virus (ไวรัส) สามารถแพร่กระจายตัวเองไปยังเครื่องอื่น ๆ ผ่านไฟล์ที่ส่งต่อกันระหว่างเครื่อง เมื่อมันแอบเข้ามายังคอมพิวเตอร์ได้แล้ว มันก็จะเข้าไปก่อกวนการทำงานจนทำให้เกิดผลเสียต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ เหมือนเวลาที่เราป่วยเพราะไวรัส ร่างกายของเราก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าเดิม คอมพิวเตอร์เองก็เช่นเดียวกัน

• Worm (เวิร์ม) ได้เองโดยอัตโนมัติ คล้ายกับตัวหนอนที่ชอนไชไปยังเส้นทางต่าง ๆ จนทำให้เครือข่ายล่มหรือใช้งานไม่ได้

• Trojan (โทรจัน) แล้วให้ผู้ใช้หลงเชื่อและนำไปติดตั้ง หลังจากนั้น มันก็จะสามารถเข้าไปเล่นงานระบบของเราได้ง่าย ๆ

• Backdoor (แบ็กดอร์) ของเราได้และ สามารถทำอะไรก็ได้กับเครื่องของเรา เช่น สั่งลบหรือโอนย้ายข้อมูลของเราก็ได้

• Spyware (สปายแวร์) และยังสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราไปได้ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ

ระหว่างที่เราใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต กำลังดู เว็บ อ่านอีเมล หรือคุยกับเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดีย เจ้าพวกมัลแวร์ จะพยายามเจาะเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา โดยมันอาจจะหลอกล่อให้เราเปิดประตูให้ ด้วยการส่งไฟล์มาทางอีเมล หลอกให้เราคลิกลิงก์แปลกปลอม หรืออาจจะเป็นการหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมบางอย่าง ซึ่งถ้าหากเราไม่ระวังตัว และกดตกลงเปิดไฟล์หรือติดตั้งโปรแกรมนั้น ๆ ลงไปในเครื่อง ก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้มัลแวร์บุกเข้ามาโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั่นเอง เมื่อเจ้ามัลแวร์เข้ามาได้สำเร็จ บางตัวก็อาจจะเข้ามาสอดส่องข้อมูลของเรา ก่อนที่มันจะส่งข้อมูลสำคัญของเรากลับไปยังเจ้านายของมัน ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นก็จะมีตั้งแต่รหัสผ่านของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เราใช้อยู่ เช่น Facebook หรือ Twitter รหัสบัตรประชาชน บัญชีธนาคาร หรือรหัสบัตรเครดิตของเรา

เจ้าหัวขโมยนี้สามารถนำข้อมูลของเราไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น เขาอาจจะนำรหัสบัตรเครดิตของเราไปทำบัตรเครดิตปลอมขึ้นมา แล้วก็จับจ่ายใช้สอยอย่างสบายใจ โดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย กว่าเราจะรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่า เราจะต้องตามชำระค่าใช้จ่ายเหล่านั้นแทนเจ้าหัวขโมยเสียแล้ว หรือมันอาจจะสวมรอยยึด Facebook ของเราเพื่อกลั่นแกล้ง หรือใช้ประโยชน์ตามใจชอบ หรืออาจจะเข้ามา แล้วทำให้คอมพิวเตอร์ของเราไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปก็เป็นได้ จะเห็นว่ามัลแวร์นั้นสามารถก่อให้เกิดปัญหาให้กับผู้ใช้ได้ไม่น้อยเลย เราจะสามารถป้องกันมัลแวร์ตัวแสบนี้ได้อย่างไรบ้าง

1.มีด่านป้องกันโดยติดตั้งและอัปเดตแอนติไวรัสอยู่เสมอ เสริมสร้างพลังป้องกัน

2.มีด่านป้องกันชั้นที่ 2 โดยอัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์

3.หยุดการติดตั้งซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน ที่ไม่รู้จักหรือต้องสงสัย

4.ไม่คลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์ในอีเมลที่น่าสงสัย ถ้าไม่ไว้ใจควรถามกลับไปยังผู้ส่งอีเมลโดยตรง โดยควรสอบถามไปทาง โทรศัพท์หรือแฟกซ์ แทนการส่งอีเมลกลับไป

5.สำรองข้อมูลอยู่เสมอ และควรเก็บข้อมูลสำรองเหล่านั้นไว้ ในอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ ระบบเครือข่ายอื่น ๆ แม้ว่ามัลแวร์นั้นจะอันตราย

6.หากเราระวังและป้องกันตัวเอง ตามขั้นตอนแล้วล่ะก็ เท่านี้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของเราก็จะมั่นคงปลอดภัยจากมัลแวร์แล้ว

10 ทักษะที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ

ทุกคนล้วนต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจการงาน แต่หลายคนก็รู้ว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้ง่าย หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ก็คือ ‘ทักษะความสามารถ’ ในด้านต่าง ๆ นั่นเอง

บทความนี้ได้รวบรวม 10 ทักษะ ที่ช่วยทำให้คุณประสบความสำเร็จในโลกยุคใหม่ เมื่ออ่านบทความนี้จบ อย่าปล่อยให้ความรู้ทั้งหมดนี้ผ่านไป เพราะความสำเร็จรอคุณอยู่แล้วเพียงแต่คุณต้องมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการฝึกทักษะต่าง ๆ เหล่านี้เท่านั้น

การวางแผนและการบริหารจัดการเป็นทักษะที่สำคัญมากของคนที่ประสบความสำเร็จ ในแต่ละวันทุกคนมีเวลา 24 ชม. เท่ากัน ถ้าหากคุณขาดการวางแผน และการบริหารเวลา คุณก็จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

ในทางกลับกัน หากคุณสามารถวางแผนงานและจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆได้ดี รู้ว่าอะไรควรทำก่อนหรือหลังคุณก็จะสามารถทำงานเสร็จตรงตามเวลา และมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นจากผู้อื่นอีกด้วย

ซึ่งการวางแผน และการบริหารเวลาคือสองทักษะสำคัญจากทั้งหมด 9 ทักษะในหลักสูตร Smart Supervisory Skills ที่คุณสามารถเรียนรู้เพื่อเป็นผู้นำทีมของคุณได้

ในทุกองค์กรย่อมมีงานที่เกี่ยวข้องกับการประสานงาน และการเจรจากับคนในทีม ระหว่างแผนก และกับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องรับผิดชอบงานขาย หรืองานบริการต่างๆ

ความสามารถด้านการเจรจาต่อรองและจูงใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ทักษะนี้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกคล้อยตาม เต็มใจที่จะช่วยเหลือและให้การสนับสนุนแก่เรา

นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการเลื่อนขั้น การขึ้นเงินเดือน และการหาลูกค้าใหม่ๆ ด้วย หากคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องพัฒนาทักษะด้านการเจรจาต่อรองและโน้มน้าวใจผู้อื่น ซึ่งเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในหลักสูตร Persuasion & Negotiation Mastery

ไม่ว่างานของคุณจะเป็นงานอะไรก็จำเป็นต้องใช้ทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะนี้ไม่ได้หมายถึงการพูดเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการรับฟังและการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย

คุณต้องใช้ทักษะนี้ในการนำเสนองานในที่ประชุม ให้ข้อมูลลูกค้า และประสานงานกับเพื่อนร่วมงาน หากคุณมีศิลปะในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลอื่น คุณก็จะได้รับความรักใคร่และความร่วมมือซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีปัญหาด้านการสื่อสาร ลองค้นหาวิธีการที่คุณชอบ เช่น การพูดคุยต่อหน้า การส่งอีเมล์ การคุยผ่านโปรแกรมสไกป์ หรือการโทรศัพท์เพื่อที่คุณจะสามารถสื่อสารข้อมูล เนื้อหาสาระ และความรู้สึกกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพในแบบที่คุณถนัดจริง ๆ

แต่ถ้ายังอยากพัฒนาทักษะการสื่อสารเพิ่มขึ้น ขอแนะนำหลักสูตร Executive Communication ที่จะทำให้คุณกลายเป็นสุดยอดนักสื่อสาร

คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์เป็นคนที่เข้าใจผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่นยอมรับข้อบกพร่องของผู้อื่น และจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ดี

ทักษะนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำงานเป็นทีมหรือทำงานกับคนอื่น สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดีขึ้น รับมือกับคนหลากหลายประเภทได้มากขึ้น

ในทางตรงกันข้าม หากคุณมีความฉลาดทางปัญญา(IQ)สูงแต่ไม่มีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) แม้ว่าคุณจะทำงานเก่งสักแค่ไหนก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้เพราะไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งไปบริหารคน บริหารทีมได้

คุณจึงควรพัฒนาทักษะนี้โดยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา และคิดว่าหากตนเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกอย่างไร เพื่อที่คุณจะได้ทำความเข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้น

ทักษะนี้มีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ตำแหน่งใดก็ย่อมต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆอยู่เสมอ หากคุณมีทักษะในการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา คุณก็จะสามารถเอาตัวรอด และรับมือกับอุปสรรคต่างๆได้

นอกจากนี้ การจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีระบบตั้งแต่การกำหนด แยกแยะ วิเคราะห์ และแก้ไขจะทำให้ปัญหาไม่ลุกลามจนเกินเยียวยา และช่วยให้คุณไม่เกิดความเครียดสะสมได้อีกด้วย

หลักสูตร Problem Solving & Decision making จะทำให้คุณมีความรู้และทักษะในการคิดวิเคราะห์และแก้ไขทุกปัญหาในการทำงานได้ นี่คือหลักสูตรที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฝึกทักษะนี้

หากคุณเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจ คุณจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เพราะคุณจะทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะยาวให้สำเร็จได้

สิ่งนี้ช่วยให้คุณเดินไปบนเส้นทางที่มุ่งสู่อนาคตที่สดใสและชัดเจน ไม่วอกแวกไปกับสิ่งยั่วยุ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิต

ซึ่งความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจคือสิ่งที่เรียนรู้และฝึกฝนกันได้ เนื้อหาทั้งหมดมีอยู่ในหลักสูตร Power to Your Goal & Success แล้ว

การทำงานร่วมกันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเราต้องใช้ทักษะนี้ในการทำงานและการดำรงชีวิตทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง แม้กระทั่งการใช้ชีวิตคู่ หรือการอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว

ทักษะการทำงานร่วมกันนี้ทำให้คุณสามารถเข้ากับคนได้ทุกประเภท เปิดกว้างยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และลดความขัดแย้งระหว่างกัน

นอกจากนี้ ยังช่วยให้การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นไปอย่างราบรื่นซึ่งส่งผลต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย

ถ้าคุณสนใจเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทีม หลักสูตร Team Communication & Collaboration คือคำตอบสำหรับคุณ

สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามหากคุณต้องการประสบความสำเร็จก็คือ การบริหารความสมดุลในชีวิต มันคือ การกำหนดเวลาในการดำเนินชีวิตให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับงาน ครอบครัว สังคม และตนเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

เพราะหากคุณทำงานหนักจนเกินไป คุณจะเกิดความเครียดซึ่งอาจทำให้ร่างกายเจ็บป่วยหรือเกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา หนทางที่ดีกว่าคือการเดินทางสายกลาง ไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างหักโหมเกินไป

หากคุณรู้สึกว่าตนเองเริ่มหมกมุ่นกับการทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน ลองหยุดพัก และหาความบันเทิงให้กับชีวิตโดยทำกิจกรรมที่คุณชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือท่องเที่ยว วิธีการนี้จะช่วยให้คุณสามารถบริหารความสมดุลในชีวิตได้ และนั่นจะส่งผลต่อความสำเร็จของคุณ

การบริหารความสมดุลในชีวิตคือทักษะที่คุณต้องฝึกฝน เพื่อค้นหาว่าจุดที่อยู่สมดุลแล้วหรือยัง และเราทำอะไรมากไป น้อยไป และจะปรับอย่างไร ขอแนะนำหลักสูตร High Performance Leader ที่จะช่วยฝึกทักษะนี้ให้คุณ

ความมั่นใจในตนเองมีประโยชน์กับการทำงานและการใช้ชีวิตหากคุณเชื่อว่าตนเองสามารถคิด เรียนรู้ ตัดสินใจ แก้ไขปัญหา และพึ่งพาตนเองได้ แสดงว่าคุณเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองเพียงพอแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากคุณดูถูกความสามารถของตนเอง คิดว่าตนเองไม่เก่งเหมือนคนอื่น ไม่กล้าแสดงออกในทางที่ถูกที่ควรก็หมดหวังที่คุณจะประสบความสำเร็จ

การปรับเปลี่ยนทัศนคติและพัฒนาความมั่นใจในตนเอง โดยการหาข้อดีของตนเอง ปรับปรุงบุคลิกภาพ และพัฒนาทักษะทางสังคมจะช่วยคุณได้

แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นฝึกเรื่องนี้อย่างไร เราขอแนะนำหลักสูตร Growth Mindset foe Effective work ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้แก่คุณ

คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ชอบการเรียนรู้ พวกเขาช่างสังเกต สนใจสิ่งรอบข้าง และพยายามหาคำตอบในสิ่งที่ตนเองต้องการ

พฤติกรรมเช่นนี้ส่งผลให้เขาได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและกว้างขวางซึ่งส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆได้ไม่ยาก

ทักษะการแสวงหาความรู้นี้มีความสำคัญต่อหลากหลายอาชีพเพราะมันช่วยให้คุณสามารถค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และประมวลผลได้ดี นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณเป็นคนที่กระตือรือร้น และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาได้อีกด้วย

ทักษะการแสวงหาความรู็และบริหารจัดการความรู้คือสิ่งที่จำเป็นมากในยุคที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารท่วมท้น หลักสูตร Change Management ช่วยให้คุณมีทักษะเหล่านี้ได้

อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้และฝึกฝนทักษะเหล่านี้เพียงลำพังเป็นเรื่องที่เหนื่อยและยากมาก ศึกษาวิธีการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในทีมและกับคนรอบตัวคุณได้ คลิกที่นี่

5 ทักษะควรมีในปี 2015 สำหรับนักการตลาดดิจิทัล

ในช่วงเวลาเข้าปีใหม่นั้น เราก็คงเห็นคอนเทนต์ประเภทเทรนด์ต่างๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นในแต่ละปี ซึ่งผมว่าปี 2015 นี้ก็คงมีบรรดาเทรนด์จากเว็บต่างๆ พูดไปบ้างแล้วว่าการตลาดโดยเฉพาะกับการตลาดดิจิทัลนั้นจะเป็นอย่างไรกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องของเครื่องมือและกิจกรรมการตลาดก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องทักษะและความรู้ของนักการตลาดที่จะต้องเพิ่มเข้ามาเพื่อให้รู้เท่าทันกับกลไกของตลาดในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ผมเองก็ได้รับคำถามบ่อยๆ ว่านักการตลาดดิจิทัลควรจะมีความสามารถอะไรบ้าง บล็อกนี้ผมเลยขอนึกไฮไลท์ๆ ของคุณสมบัตินักการตลาดดิจิทัลที่ควรจะมีเพิ่มในพ.ศ. นี้กันนะครับ

สิ่งหนึ่งที่นักการตลาดคุ้นเคยกันมาตลอดคือทักษะของ Copy Writing หรือการดู Message ประเภทเหมือนโฆษณา อะไรที่ดูเตะตา หรือข้อความแบบไหนที่กระตุ้นการขายอะไรแบบนั้น แต่ทักษะเรื่อง Journalist นั้นเป็นสิ่งที่นักการตลาด (รวมทั้งเอเยนซี่) อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร เพราะมันเป็นทักษะในมุมมองของคนผลิตสื่อ การมองภาพรวมของคอนเทนต์ในลักษณะ “เรื่องราว”​ “ข้อมูล” “คอลัมน์” ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากการมองเป็น “โฆษณา” อยู่พอสมควร ส่วนเหตุผลที่ทักษะนี้ค่อนข้างจะสำคัญมากในปัจจุบันก็เพราะเรื่อง Content Marketing ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับสื่อดิจิทัลที่แบรนด์ต้องรับบทบาทผลิตคอนเทนต์กันแล้ว พอเป็นอย่างนี้นักการตลาดจำเป็นจะต้องมี “ตา” ในบทบาทของการเป็นผู้ผลิตสื่อ มีความเข้าใจในเรื่องการเรียบเรียงข้อมูลและนำเสนอมันให้น่าสนใจและประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายให้ได้นั่นเอง

คงจะเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเอามากๆ ถ้าเราจะทำการตลาดดิจิทัลแต่เราไม่เข้าใจว่าคนดิจิทัลคิดอะไรกัน แต่ฟังไปก็เหมือนตลกอีกนั่นแหละที่นักการตลาดดิจิทัลหลายๆ คน (จากประสบการณ์ที่ผมพบเจอ) ก็ไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องดิจิทัลอะไรสักเท่าไร บางคนก็เรียกว่าเล่น Facebook บ้างเป็นพิธี หรือก็ทำนองว่าเล่น Facebook เป็นก็คิดว่าเข้าใจคนดิจิทัลแล้วอะไรอย่างนั้น ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่อันตรายอยู่พอสมควร ทั้งนี้เพราะการเข้าใจผู้บริโภคยุคดิจิทัลนั้นมีความสลับซับซ้อนมากกว่าแค่การรู้จักใช้ Social Media เพียงอย่างเดียว เนื่องจากมันเกี่ยวโยงไปถึงพฤติกรรมการค้นหาข้อมูล การตัดสินใจ การปฏิสัมพันธ์ ตลอดไปจนพฤติกรรมการรับสารต่างๆ ด้วย ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่นักการตลาดดิจิทัลต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งมากๆ

สิ่งที่ตามมาของการมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่นับวันจะยิ่งไฮเทคมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือการเพิ่มปริมาณข้อมูลอย่างมหาศาล เราจะเห็นตัวเลขมากมายเกิดขึ้นในหน้ารายงานผลต่างๆ และนั่นจำเป็นมากที่นักการตลาดต้องรู้จัก “วิเคราะห์” ข้อมูลเหล่านั้นออกมาให้กลายเป็นแผนกลยุทธ์ต่อไปให้ได้ โดยตรงนี้ผมเน้นย้ำเสมอว่าการมีข้อมูลหรือซื้อเครื่องมือแพงๆ เพื่อกวาดข้อมูลมานั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้หากคุณขาดความสามารถในการวิเคราะห์ด้วยความเข้าใจจริงๆ (ไม่อย่างนั้นเราก็คงง่วนอยู่กับการบ้าจำนวนไลค์ คอมเมนต์ แชร์ โดยบอกไม่ได้ว่ามันจะไปสร้างประโยชน์อะไรกับการตลาดหรอกฮะ)

อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วหลายคนคิดว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าใครจะเก่งในสายงานการตลาดดิจิทัลนั้น มันจำเป็นมากที่คุณจะต้องลุ่มหลงและใช้ชีวิตประหนึ่งกับการเป็น Digital Early Adopter เลยทีเดียว ที่บอกเช่นนี้เพราะมันทำให้คุณขยันทำตัวเองอัพเดทกับเทรนด์ เข้าใจความสามารถของเทคโนโลยี ตลอดไปจนสร้างเซนส์สำคัญๆ ว่าเทรนด์อนาคตจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าการทำตัวเป็น Digital Native / Early Adopter อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายของคนที่เป็น Gen X / GenY (ต้นๆ) แต่ถ้าคุณทำได้ประเภทลองเล่นบริการออนไลน์ใหม่ๆ ทดลองโหลดแอพอยู่เสมอ ลงทุนอัพเดทตัวเองอยู่เรื่อยๆ ในไม่ช้าคุณอาจจะไม่ต้องมานั่งฟังเทรนด์จากเว็บอะไรหรอกครับ เพราะคุณจะรู้สึกถึงมันได้ดีเสียกว่าอีก

เสน่ห์อย่างหนึ่งของโลกดิจิทัลคือการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วข้ามคืน นั่นทำให้คนทำงานรู้สึกมีความเคลื่อนไหวและท้าทายตลอดเวลา และในขณะเดียวกันถ้าคุณเป็นพวกประเภทไม่ปรับตัวเองหรือจมอยู่กับแผนเดิมๆ เรื่อยๆ แล้ว คุณก็จพร้อมจะตกกระป๋องได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน การทำตัวให้สามารถพลิกแพลง ปรับเปลี่ยนแผนงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วถือเป็นทักษะที่จำเป็นมากในการทำงานปัจจุบัน แน่นอนว่าการทำงานประเภทพร้อมจะยกเลิกแผนและสร้างแผนใหม่ได้ทันทีอาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วปาดเหงื่อ แต่วิธีการทำงานแบบ “คล่องตัว” นี้เองที่ทำให้บริษัท Startup จำนวนมากประสบความสำเร็จ ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ต้วมเตี้ยม ไม่ยอมเคลื่อนที่ก็ล้มคว่ำกันได้ง่ายๆ นั่นแหละ

จริงๆ เรื่อง Hard Skill & Soft Skill ของคนทำการตลาดดิจิทัลยังมีอีกหลายอย่าง ซึ่งถ้าเขียนออกมาหมดก็คงจะยาวเหมือนกัน 5 อย่างนี้น่าจะเป็นไฮไลท์ๆ ที่ผมมักมองหาเวลารับสมัครงานในเบื้องต้นก่อน แต่รายละเอียดอื่นๆ นั้นผมจะหยิบมาเล่าอีกเรื่อยๆ ในวันหลังนะครับ

Leave a Comment